เกร็กคูช็อป:ศูนย์สมุนไพรไร้สารกระตุ้น สำหรับบุรษและสตรี จุดบริการชำระเงิน

เมื่อผู้ชายมีอายุ 40 ปีขึ้นไปหลายอย่างจะเริ่มไม่เหมือนเดิมรวมถึง ต่อมลูกหมากด้วย เพราะจะเริ่มขยายตัวและโตขึ้นและมีภาวะต่างๆ แทรกเข้ามาด้วยส่วนอาการจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ล่ะบุคคล และอาการจะค่อยๆ รุนแรงขึ้นตามลำดับ

ส่วนอาการต่อมลูกหมากโต นั้นเกิดจากเมื่อต่อมลูกหมากโตขึ้น จนกดและเบียดท่อปัสสาว่ะตอนต้น ให้แคบลง เกิดแรงเสียดทานในท่อปัสสาว่ะ ทำให้การขับปัสสาว่ะลำบากขึ้น อาการที่แสดงจะมี 2 กลุ่ม คือ

    1.อาการระคายเคือง เช่น
           - ปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวันและกลางคืน
           - เวลาปวดปัสสาวะต้องรีบ เพราะกั้นไม่ด้นาน
           - ปัสสาวะเล็ดและราดเวลาปวดปัสสาวะ
           - อาการปัสสาวะไม่สุด รู้สึกเหมือนว่ายังมีปัสสาวะค้างอยู่
     2.อาการอุดกั้น เช่น
           - ปัสสาวะต้องเบ่งแรงๆ
           - ปัสสาวะต้องรอ ไม่ออกทันที ใช้เวลานาน
           - ปัสสาวะหยุดเป็น ช่วงๆ
           - ปัสสาวะไม่พุ่ง หรือพุ่งไม่แรง
           - ปัสสาวะหยดๆ ตอนท้ายของปัสสาวะ

โรคนี้อันตรายมากไหม
โรคต่อมลูกหมาก เป็นโรคเนื้องอกชนิดหนึ่งแต่ไม่ถึงกับเป็นมะเร็ง ดังนั้นโดยตัวของโรคต่อมลูกหมากเองไม่ถือว่าร้ายแรง ผู้ป่วยที่มีอาการข้างต้นตามที่กล่าวมาแล้วนั้น มักมีปัญหาเกี่ยวกับการพักผ่อน วิตกกังวล รวมไปถึงการรบกวนชีวิตประจำวัน และการเข้าสังคมในกรณีที่มีอาการรุนแรงมากขึ้น จนเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อและอักเสบของทางเดินปัสสาวะ การเกิดนิ้วในกระเพาะปัสสาวะ และการเสื่อมของการทำงานของไต เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นอันตราย และเป็นข้อบ่งชี้ที่จะต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข ส่วนอันตรายอย่างหนึ่งที่ควรระวังคือ มะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งมักพบในท่านชายที่มีอายุตั้งแต่ 55-60 ปีขึั้นไป ผู้ที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก อาจจะมีอาการคล้ายๆ กับโรคต่อมลูกหมากโต แต่เมื่อไม่ได้รับการตรวจสอบและรักาาที่ถูกต้อง ก็เป็นการเปิดโอกาสให้มะเร็งลุกลามได้ในที่สุด

การทำงานของระบบทางเดินปัสสาวะ

ได้เวลาไปตรวจสุขภาพต่อมลูกหมาก
ท่านชายที่อายุเข้า 40-50 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีทุหปี รวมถึงการตรวจสุขภาพต่อมลูกหมาก โดยการตรวจทางทวารหนักและการตรวจเลือด เพื่อดูค่าบางอย่างที่เกี่ยวกับมะเร็งต่อมลูกหมาก เพื่อเป็นการป้องกันแต่เนิ่นๆ ในรายที่มีอาการผิดปกติ ดังที่กล่าวข้างต้น ควรเข้ารับการตรวจรักษาและรับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรคระบบทางเดินปัสสาวะ

วีธีการักษา
โดยส่วนใหญ่ทางแพทย์จะให้การรักษาตามความรุนแรงของอาการผู้ป่วย โดยแบ่งเป็น
   1. การเฝ้าระวัง ผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย แพทย์จะแนะนำให้สังเกตุอาการและปรับพฤติกรรมดังนี้
      - ลดน้ำดื่มหลังอาหารเย็น และก่อนนอน
      - พยายามไม่ให้ท้องผูก
      - หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอร์หรือชา กาแฟ
      - หลีกเลี่ยงยาลดน้ำมูกบางตัวที่มีผลกับการปัสสาวะ
    2. การใช้ยา ซึ่งจะมี 2 กลุ่มหลักๆ คือ
      - ยากลุ่มต้านอัลฟ่า ที่ออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อรอบต่อมลูกมหาก ทำให้ท่อปัสสาวะที่ตีบแคบขยายกว้างขึ้น ทำให้การขับปัสสาวะสะดวกขึ้น ชึ่งจะเข้ากับสรรพคุณของตัวยา ยาเกร็กคู และยาแท๊กก้า ของ อ.โหรทศพรโอสถ ที่มีผลตามสรรพคุณตามโรคโดยตรง
      - ยากลุ่มต่อต้านเอนไซม์ ที่มีผลต่อการโตของต่อมลูกหมาก ซึ่งจะเข้าไปยับยั้งการโตของต่อมลูกหมาก แต่ถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเวลา 6 เดือนขึ้นไปจะมีผลทำให้ต่อมลูกหมากมีขนาดเล็กลงในระดับหนึ่ง
     3.การผ่าตัดต่อมลูกหมาก โดยการส่องกล้องผ่านทางท่อปัสสาวะ สำหรับข้อบ่งชี้ที่ต้องรับการผ่าตัดคือ
- ปัสสาวะไม่ออก
      - มีนิ้วในกระเพาะปัสสาวะ
      - มีการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
      - ไตเสื่อมการทำงานซึ่งเป็นผลจากการอุดตัน ของระบบทางเดินปัสสาวะ

     ดังนั้นเราจึงต้องหันมองตัวเองและสังเกตุอาการคนรอบข้างว่ามีอาการดังที่กล่าวมาหรือเปล่า ถ้ามีตามอาการที่กล่าวมาข้างต้น ท่านอาจจะเริ่มจากการทาน ยากร็กคู และยาแท๊กก้า ของ อ.โหรทศพรโอสถ ตามสรรพคุณก่อนเพื่อปรับสภาพสมดุลให้เข้าที่ และยังเป็นการบำรุงร่างกายไปในตัวด้วย ครับ